Categories: แนวคิด

คุณจะไปไหน ? (Where Are You Going )

สวัสดีทุกชีวิต

    เมื่อเจอคำถามแบบนี้คิดว่าหลายคนคงตอบได้ ก็อาจจะไปตลาด ไปเที่ยว ไปช้อปปิ้ง ไปทำธุระ แต่ถ้าถามว่าชีวิตคุณจะไปทางไหน หรือคุณมีเป้าหมาย ( Targeted ) หรือเปล่า บางคนก็อาจจะต้องคิดสักครู่ หรือบางคนอาจจะไม่มีคำตอบ เพราะบางครั้งเราก็อยู่กันไปเรื่อยๆ วันๆ ผ่านไปแบบเป็นปรกติแล้วมันจะยังไงละคราวนี้

     บางครั้งหากชีวิตที่ไม่ได้มีเป้าหมายหรือการวางแผนมันก็ดีไปอีกแบบคือไม่เครียดไม่ต้องปวดหัว และไม่ต้องคิด เพราะโดยทั่วไปหลายคนมักไม่ชอบคิดเพราะเมื่อคิดแล้วมันต้องใช้พลังงาน ใช้สมอง ( Brain ) และใช้ความรู้ ( Knowledge ) มากมาย ก็อยู่เฉยๆจะดีกว่าสบายกว่ากันเยอะเลย

     แต่ในอีกมุมหนึ่งบางครั้งมันก็ต้องมีการตั้งคำถาม ( Question ) ในเรื่องของแนวทางการใช้ชีวิตบ้างเหมือนกัน เพราะหากเราใช้ชีวิต ไปโดยไม่ได้คิดและวางแผนเมื่อเหตุการณ์นั้นมาจวนตัวแล้วเราอาจจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะคิดเลยก็ได้ โดยทั่วไปทุกคนมักไม่กล้าที่จะยอมรับความจริง ( Truth ) โดยเฉพาะในเรื่องที่ร้ายๆ เช่น คิดว่าถ้าเราโดนออกจากงานพรุ่งนี้ละ จะทำยังไง ถ้าหากเกิดเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุ เราจะทำยังไงจะทำใจได้มั้ย บางครั้งแค่คิดก็ไม่อยากคิดแล้ว ว่ามั้ยครับ

     แน่นอน บางคนบอกว่ามองโลกในแง่ร้ายไปมั้ย เครียดไปหรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วผมมองว่าบางครั้งเป็นการฝึกการทำใจยอมรับกับความจริงมากกว่า เพื่อเราจะได้กล้าที่จะกำหนดเป้าหมายของชีวิตได้ เราคงเคยถามเด็กๆว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เด็กๆ ก็มักจะตอบว่า เป็นครู เป็นพยาบาล เป็นทหาร หรือบางคนอาจจะยังตอบไม่ได้ แต่ที่ทุกคนตอบไปนั้นตอบโดยไม่มีเงื่อนไข ( Condition ) เช่น เงินเดือนมากหรือน้อย งานหนักหรือสบาย หรือหน้าตาในสังคม แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปพอพวกเขาเหล่านั้นได้เรียนรู้ชีวิตมากขึ้นมักจะเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายเสมอ

     ตอนเราเริ่มหัดเล่นกีต้าร์ก็มักจะเล่นไปเรื่อยๆ ด้วยความชอบ ความเท่ห์ หรืออาจจะมีแรงบันดาลใจจากใครสักคน บางคนก็กลายเป็นความชอบหรือรักแบบถาวร บางคนก็ เลิกราไปตามกาลเวลา เพราะเราไม่มีเป้าหมายของการฝึกฝนนั่นเอง เราควรจะฝึกการเขียนเป้าหมายให้ชัดเจนเสียตั้งแต่วันนี้ในขณะที่เราลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ฉันจะเป็นนักดนตรีมืออาชีพเล่นในร้านอาหาร ผับ บาร์ หรือ โรงแรม ฉันจะเล่นดนตรีเพื่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ฉันจะเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ แบบขำๆ ไม่ได้หวังอะไรมาก ขอแค่สนุกก็พอ

     ไม่ใช่เพียงแค่ดนตรี หากแต่สามารถใช้กับชีวิตของเราได้ทุกอย่าง เช่น ฉันจะออกกำลังกายทุกวัน ๆ ละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 เดือน หรือฉันจะลดน้ำหนักให้ได้ 3 กิโลกรัม ใน 1 เดือน หรืออาจจะฉันจะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้ได้ในระดับสนทนากับฝรั่งรู้เรื่องภายใน 1 ปี เมื่อเรากำหนดเป้าหมายแบบนี้แล้วมันก็จะทำให้เราเดินหน้าได้ เหมือนเราได้นับหนึ่งแล้ว ขึ้นตอนต่อไปก็จะตามมา นั่นก็คือแนวทาง ( Guidelines ) ของการเดินไปสู่เป้าหมายนั้นๆ เช่น เราจะลดน้ำหนักได้อย่างไรก็ต้องไปค้นหาข้อมูล ศึกษาเรื่องอาหาร วิธีการ ออกกำลังกาย เป็นต้น

     เราคงไม่ต้องมีอะไรที่มันยุ่งยากหรือทำไม่ได้ แต่เรื่องเล็กๆ ก็สามารถนำมาทำให้เป็นเป้าหมายของชีวิตได้ เช่น ฉันจะพับผ้าห่มหลังตื่นนอนทุกเช้า เรื่องง่ายๆ แค่นี้ถ้าเราทำได้ก็นับว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว แต่คุณทราบมั้ยว่า หลายคนทำไม่ได้ เพราะอะไร…..ขี้เกียจ ( lazy ) บ้างละ เวลาไม่มีบ้างละ หรือไม่รู้จะทำไปทำไม หลากหลายเหตุผลที่จะมาหักล้างเพื่อไม่ให้เราทำ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือเรื่องของเวลา ( Time )

     การบริหารเวลาและการจัดสรรนั้นมีส่วนในการทำเป้าหมาย เคยสงสัยมั้ยว่า เพื่อนเราเรียนห้องเดียวกันมาเรียนพร้อมกัน กลับบ้านพร้อมกันแต่เขาว่ายน้ำเก่ง เขา เล่นกีฬาเก่ง เขาเรียนเก่ง เขาเล่นดนตรีเก่ง เอ๊ะ..แล้วเขาทำได้ยังไง คำตอบไม่ยากเลย ก็เขาทำตอนเราไม่ทำไงละ ตอนที่เรากลับบ้านไปดูทีวีเขาไปซ้อมว่ายน้ำ ตอนที่เรา นอน เขาฝึกดนตรี ตอนที่เราไปเล่น เขาไปทำการบ้าน คือเขาทำตอนเราไม่ทำนั่นเอง

     ชีวิตจะทำให้เครียด ( Serious ) ก็ได้ไม่เครียดก็ได้อยู่ที่เราคิด แต่เราหนีความจริงไม่พ้นเพราะวันหนึ่งความจริงมันต้องเดินทางมาถึงเราอย่างแน่นอน เมื่อเราป่วย เราเจ็บ เราผิดหวัง วันนั้นเราจะเริ่มรู้ว่าทำไมเราไม่ออกกำลังกายเสียตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมเราไม่ดูแลเอาใจใส่สุขภาพเสียตั้งแต่ตอนนั้น นี่ถ้าเราฝึกตั้งแต่ตอนนั้นป่านนี้คงเล่นดนตรีได้สุดยอดไปแล้ว อะไรประมาณนั้นครับ

     มาเริ่มกำหนดเป้าหมายตั้งแต่วันนี้ ด้วยการถามตัวเอง ว่าคุณเป็นใคร คุณจะทำอะไร และคุณจะไปที่ใด แล้วรีบทำเสียตั้งแต่วันนี้ก่อนจะไร้ซึ่งวิญญาณ”

Thanakrit

การเงิน การออมเงิน ประกันชีวิต และประกันภัย