การลงทุน

+++ รู้แล้วรวยได้!…โดยไม่ต้องออกจากงาน

สมัยนี้เดินเข้าร้านหนังสือเมื่อไหร่ สังเกตบนชั้นวางหนังสือขายดีมักจะปรากฏหนังสือที่มีคำว่า “รวย เศรษฐี ลาออก สำเร็จ อิสระ นายตัวเอง ฯลฯ”

   แสดงให้เห็นว่า คนในสังคมส่วนใหญ่ในตอนนี้มีความฝัน อยากจะประสบความสำเร็จ การลาออกมาเพื่อทำงาน หรือทำธุรกิจในฝัน จึงเป็นเรื่องที่คนสมัยนี้คิดกันมากขึ้น ประกอบกับการมีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยทำให้ความฝันเป็นจริงได้

   หลายคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนจึงเริ่มมีความคิดอยากลาออกมาทำธุรกิจส่วนตัว และทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ก็ยังมีความกังวลใจหลายอย่าง เป็นเจ้าของธุรกิจแล้วจะมั่งคั่งจริงไหม? แล้วความสุขของเราคือแบบไหนกันแน่? หากไม่ลาออกจากงานแล้วจะสร้างความมั่งคั่งได้รึเปล่า?

  • ในเมื่อมันมีเรื่องที่เราต้องพิจารณา งั้นเรามาลองดูทั้ง 2 มุม ไปพร้อมๆกันดีกว่า

หากเป็นเจ้าของธุรกิจชีวิตไม่ต้องติดกับงานประจำ แค่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบก็รวยได้

  • ข้อดีข้อที่ 1

   ที่มองเห็นได้ชัดของการลาออกมาเป็นนายตัวเอง ข้อแรกก็คือ “อิสระในการทำงาน” ไม่มีกำหนดเวลาเข้าออก ไม่ต้องเดินทางไปออฟฟิศทุกวัน ทำงานที่บ้านหรือร้านของตัวเองได้ ไม่มีเจ้านายมาจู้จี้ งานทุกอย่างเรากำหนดเอง ดำเนินการทุกอย่างด้วยตัวเอง และยังได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักและถนัด มีความสุขในการทำงานมากขึ้น

  • ข้อดีข้อที่ 2

   “รายรับที่มากขึ้น” เราก็สามารถกำหนดเงินเดือนของตัวเองได้ อยากได้เท่าไหร่ก็ให้กิจการจ่ายให้เราตามความเหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นรายรับทั้งหมดของกิจการจะเข้ากระเป๋าเงินของเราเต็มๆ หรือไม่ก็แบ่งให้กับผู้ถือหุ้นในกิจการในรูปแบบเงินปันผล มีรายรับมากกว่าการเป็นพนักงานประจำ การอาจลงทุนต่อยอดให้ถึงเงินล้านได้เร็วมากขึ้น แถมโอกาสในการเติบโตของธุรกิจก็มีอยู่มาก…ในกรณีที่ทุกอย่างในกิจการเป็นไปได้สวยนะ

  • ข้อดีข้อที่ 3

   “ได้รับประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากงานประจำ” เพราะการลาออกคือการก้าวออกมาจาก Comfort Zone ทุกอย่างในชีวิต จะต้องถูกบริหารและจัดการอย่างละเอียด ทั้งเรื่องการบริหารเวลา การหมุนเวียนเงินสด ที่ต้องแยกให้ออกระหว่างกิจการกับใช้ส่วนตัว อุปสรรคต่างๆที่บริษัทต้องเจอ เราก็มีโอกาสที่จะได้รับมือกับมันทั้งหมด ถึงแม้จะล้มเหลว แต่ก็ได้ประสบการณ์ที่ดีในการเป็นนายตัวเอง เป็นบทเรียนให้เราได้ก้าวต่อไป

หากเป็นมนุษย์เงินเดือนก็สร้างความมั่งคั่งได้ ถ้ารู้จักการลงทุน

  • ข้อดีข้อที่ 1

   “สวัสดิการและความมั่นคง” ถ้าเกิดว่า…งานประจำที่ทำอยู่ให้ทั้งสวัสดิการ ความมั่นคง และสภาพแวดล้อมที่ดี มันสามารถสร้างชีวิตคุณให้มีความสุข และรวยได้ โดยไม่ต้องลาออกมาเสี่ยงกับความไม่แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นก็มีวิธีที่ทำให้เรารวยขึ้นด้วย มันน่าสนใจกว่ามั้ย ?

  • ข้อดีข้อที่ 2

   “ความเครียดน้อยกว่าเจ้าของธุรกิจ” มีเวลาทำงานที่ชัดเจนเข้างาน-ออกงานเป็นเวลา เรามีหน้าที่แค่ลงมือทำงานให้เต็มที่ ไม่ต้องคิดมากหรือต้องคอยพะวงว่าธุรกิจจะเป็นอย่างไร ไม่ต้องเครียดกับเรื่องงานตลอดเวลาสามารถแบ่งเวลางาน เวลาพักผ่อนได้ชัดเจนกว่าคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ที่ต้องคิดเรื่องงานและวางแผนตลอดเกือบ 24 ชั่วโมง

  • ข้อดีข้อที่ 3

   “สามารถหารายได้เสริมได้โดยไม่ต้องกังวล” พอเราเป็นพนักงานประจำรายมั่นคงอยู่แล้ว แต่อาจยังไม่ตอบโจทย์ ก็สามารถหารายได้เสริมจากการทำงานนอกเวลางานได้ตามความถนัดของตนเอง โดยไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับงานประจำ หรืออาจะใช้เวลาในการศึกษาการลงทุนเพื่อเปลี่ยนจากมนุษย์เงินเดือนเป็นมนุษย์เงินล้านได้ไม่ยาก

   แต่หากต้องการสร้างเงินล้านได้ไวๆ..สิ่งที่เราต้องรู้ก็คือวิธีการ ‘ออมหุ้น’ ต่างหาก เพราะการเก็บเงินไว้ในออมทรัพย์ที่ปัจจุบันได้อัตราผลตอบแทน 1% คงไม่เพียงพอ สำหรับการกินอยู่ในปัจจุบันที่ค่าเงินเฟ้อเฉลี่ย 3% ต่อปี หนทางที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อ และช่วยให้เรารวยขึ้นได้ก็คือ “การลงทุน” นั่นเอง!

มาดูข้อดีของการออมหุ้นกันบ้าง

  • ข้อดีข้อที่ 1

   “ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเยอะก็ออมหุ้นได้” เพราะคือวิธีการลงทุนที่สอดคล้องและเหมาะสมกับทุกๆคน โดยเฉพาะกับมนุษย์เงินเดือน โดยแนวความคิดของ DCA คือ การนำเงินออมที่ถูกแบ่งไว้แล้ว ไปซื้อหุ้น ในจำนวนเงินที่เท่ากันทุกเดือน อย่างสม่ำเสมอ ส่วนจำนวนเงินจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน

  • ข้อดีข้อที่ 2

   เพราะการลงทุนแบบออมหุ้น คือการลงทุน โดยไม่สนว่าราคาหุ้น ณ วันที่ซื้ออยู่ที่เท่าไหร่ มีข้อดีคือ “เราไม่ต้องกังวลว่าราคาหุ้นจะขึ้นหรือจะลง” เพราะเรามองผลตอบแทนในระยะยาวตามเป้าหมายที่วางไว้

  • ข้อดีข้อที่ 3

   “สร้างวินัยได้ ไม่ต้องใช้เวลาเยอะ” เราสามารถกำหนดรูปแบบของแผนการออมหุ้นของตัวเราเองได้ โดยเลือกว่าจะลงทุนเองทุกเดือน หรือตัดเงินลงทุนผ่านบัญชีเงินเดือนตามจำนวนที่เราตั้งไว้ โดยที่ไม่ต้องใช้เวลามากมายก็สามารถลงทุนได้ทันที

   แต่อย่าลืมว่า เป้าหมายของเรา คือตัวกำหนดรูปแบบของแผนการออมและการลงทุน เช่น หากเราทำงานในบริษัทเอกชนได้รับเงินเดือนอยู่ที่ 20,000 บาท ตั้งใจจะเก็บเงินล้านให้ได้ภายใน 10 ปี เราต้องออมหุ้นขั้นต่ำอยู่ที่ 6,000 บาท และต้องคาดหวังผลตอบแทนที่ 7% ดังนั้นควรจะเลือกหุ้นที่มีความมั่นคง และสามารถให้เงินปันผลอย่างสม่ำเสมอก็จะสามารถทำให้เราถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้

   สรุปแล้ว สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือมนุษย์เงินเดือน ก็ล้วนแล้วแต่มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเรามากกว่า ว่าเราสบายใจและมีความสุขแบบไหน

   การเป็นพนักงานบริษัทก็ไม่ได้แย่เสมอไป เพราะมีสวัสดิการ ความมั่นคง มีรายได้ประจำ แถมยังได้เรียกตัวเองได้ว่าเป็นเจ้าของบริษัทดีๆที่เราถือหุ้นอยู่ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายคน เพียงแค่รู้จักเลือกการลงทุนให้เหมาะสม ก็มั่งคั่งขึ้นมาได้โดยไม่ต้องลาออกจากงานประจำ

   ลองกลับไปคิดดูว่า เราอยากมีอิสระในการทำงานด้วยการลาออกไปเป็นนายตัวเองบ้างมั้ย? หรืออยากมีความมั่นคงให้กับชีวิตเป็นลูกจ้างในบริษัทที่เรารัก พร้อมกับเก็บเงินลงทุนไปด้วย? ซึ่งแต่ละทางเลือกก็มีข้อดีที่ต่างกัน อยากให้แต่ละคนลองพิจารณาตัวเองดู แล้วคุณล่ะอยากเลือกชีวิตแบบไหน?

#ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

Thanakrit

การเงิน การออมเงิน ประกันชีวิต และประกันภัย