“เงินเฟ้อ” หลายคนคงได้ยินกันบ่อยๆ ในยุคที่คนเริ่มสนใจเรื่องการเงินกันมากขึ้น แต่คุณเข้าใจคำว่าเงินเฟ้อกันยังไงบ้างครับ
วันนี้จะขอพูดถึงเงินเฟ้อให้เข้าใจและเห็นภาพชัดเจนขึ้น เพราะหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการเงินของเราก้อคือเงินเฟ้อนั่นเอง
เงินเฟ้อ คือ ภาวะทางเศรษฐกิจที่ปริมาณเงินหมุนเวียนในประเทศมีมากเกินไปทำให้ราคาสินค้าแพง และมูลค่าของเงินลดลง
ซึ่งตัวแปรสำคัญๆที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ ก็คือ ต้นทุนในการผลิตสินค้าที่สูงขึ้น (Cost-Push Inflation) และความต้องการสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น (Demand-Pull Inflation)
เงินเฟ้อ ทำให้อำนาจการจับจ่ายใช้สอยด้วยเงินเท่ากัน แต่เกิดขึ้นคนละช่วงเวลา แตกต่างกัน เช่น เมื่อก่อน เราจะเคยอธิบายเรื่องเงินเฟ้อง่ายๆ ด้วยสินค้าชนิดนึง คือ ก๋วยเตี๋ยว เราจะชอบพูดกันว่า เมื่อก่อนกินก๋วยเตี๋ยวชามละ 20 บาท แต่ในปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม ขนาดเท่าเดิม เพิ่มราคาเป็น 50 บาท ประมาณนี้
แต่มาวันนี้ ขอเพิ่มตัวแปรเข้าไปในเรื่องก๋วยเตี๋ยวนี้อีกนิด เช่น เมื่อก่อนแบงก์ 100 หนึ่งใบ สามารถซื้อก๋วยเตี๋ยวชามละ 20 บาท ได้ 5 ชาม แต่ในปัจจุบัน แบงก์ 100 ใบเดิม สามารถซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม ขนาดเท่าเดิม ได้เพียงแค่ 2 ชามเท่านั้น
จากตัวอย่างข้างต้น มันคือการวัดมูลค่าของเงินจำนวนเท่ากัน แต่ถูกใช้คนละเวลา ทำให้มันมีอำนาจในการซื้อไม่เท่ากันแล้วทุกวันนี้ควรใช้เงินเฟ้อเท่าไหร่ล่ะ ในการวางแผนการเงิน?
เงินเฟ้อของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน ทั้งๆที่เป็นคนไทยเหมือนกัน เนื่องจากไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันนั่นเอง อัตราเงินเฟ้อของสินค้าแต่ละอย่างก็ไม่เท่ากัน ซึ่งปกติเราจะคำนวณอัตราเงินเฟ้อจาก 9 หมวดใหญ่ๆ ก็คือ
– หมวดอาหารและเครื่องดื่ม
-หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า
-หมวดเคหสถาน
-หมวดการตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล
-หมวดพาหนะการขนส่งและการสื่อสาร
-หมวดการบันเทิงการอ่านและการศึกษา
-หมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
-หมวดอาหารสด
-หมวดพลังงาน
เพราะฉะนั้นการจะวางแผนการเงินด้วยความรัดกุม ควรจะมีการศึกษาข้อมูลของเงินเฟ้อในแต่ละหมวดเพื่อนำมาคำนวณให้ได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
เราคงเข้าใจเรื่องเงินเฟ้อกันมากขึ้น เวลาวางแผนการเงิน อย่าลืมนำเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นตัวแปรที่สำคัญตัวนึง มาคำนวณด้วย
“เพียงแค่คุณเจอผม โลกการเงินของคุณจะเปลี่ยนไป”