fbpx

20 ปีวิกฤตฟองสบู่แตก วันนี้ของ “ศิริวัฒน์แซนด์วิช”

20 ปีก่อน คงไม่มีใครลืมวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 หรือฟองสบู่แตกลงได้ หลังรัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เศรษฐกิจพังครืน เศรษฐีกลายเป็นยาจกชั่วข้ามคืน

   ผู้คนตกงานจำนวนไม่น้อยตัดสินใจฆ่าตัวตายจนเป็นข่าวรายวัน ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือบาดแผลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย

   ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ คือหนึ่งในตัวละครสำคัญ อดีตเซียนหุ้นผู้ถูกศาลสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลาย มีหนี้สินติดตัวนับพันล้าน ต้องผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายแซนด์วิชข้างถนน ด้วยหัวใจไม่ยอมแพ้ กัดฟันสู้ล้มแล้วลุก จนกลับมายืนได้อีกครั้ง ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนทั้งประเทศ

ย้อนรอยวิกฤตฟองสบู่แตก วันที่คนไทยล้มทั้งยืน

   ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2540 นักลงทุนในตลาดหุ้นไม่มีใครไม่รู้จักศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์เอเซียจำกัด โบรคเกอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผู้ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า อัศวินม้าขาว จากผลงานการทำกำไรหลายพันล้านให้กับบริษัทมากมาย

  ก่อนจะเกิดวิกฤตฟองสบู่ ไทยถูกมองว่าเป็นเสือเศรษฐกิจตัวใหม่ของเอเชีย ทุกคนใช้เงินลงทุนกันเพลิน นักลงทุนเมื่อคิดใหญ่แล้วเงินไม่พอก็ไปกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ โดยเฉพาะในต่างประเทศซึ่งสามารถกู้ได้โดยตรงไม่ต้องผ่านแบงค์ แถมดอกเบี้ยน้อยกว่าในประเทศ ก็เลยแห่กันไปกู้เงินจำนวนมาก มาทำธุรกิจ

   คุณศิริวัฒน์จำได้แม่นถึงวันที่เรียกประชุมพนักงานบริษัทซึ่งมีอยู่ 40 คน เพื่อแจ้งว่าบริษัทต้องปิดตัว ตอนนั้นพนักงานครึ่งหนึ่งลาออก อีกครึ่งหนึ่งกำลังมืดแปดด้าน ไม่มีที่ไป เพราะช่วงนั้นมีแต่บริษัทปิดตัว งานหายาก ลูกน้องจึงมองเขาไม่ต่างจากที่พึ่งสุดท้าย

   คำสอนหนึ่งที่ได้มาจากคุณพ่อคุณแม่คือ อย่าทิ้งลูกน้อง เพราะเขาเหมือนครอบครัวเดียวกับเรา ถ้าไม่มีเขาเราก็ไม่มีวันนี้ ผมปรึกษาภรรยา ว่าจะช่วยพวกเขายังไงดี ลำพังตัวคนเดียวอาจจะไปขายประกัน หรือทำบริษัทขายตรงก็ได้ แต่งานเหล่านั้นมันเลี้ยงคนไม่ได้ สุดท้ายภรรยาบอกว่า งั้นเรามาทำแซนด์วิชขายกันเถอะ

นี่คือจุดเริ่มต้นของตำนานคนสู้ชีวิตที่จะได้รับการกล่าวขานในอีกหลายสิบปีถัดมา

จากเศรษฐีร้อยล้านสู่พ่อค้าแซนด์วิชข้างถนน

    หลังจากคุณศิริวัฒน์คิดได้ว่าเขาไม่ใช่เซียนหุ้น ไม่ใช่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์คนเก่าอีกต่อไป บทเรียนแรกที่ได้รับในวันที่ล้มคือ อย่าอายทำกิน

   ผมจึงเริ่มขายเอง เอาหน้าตัวเองนี่แหละเป็นพรีเซนเตอร์ เอาหน้าตัวเองไปให้คนเห็นว่าผมนี่แหละเซียนหุ้น ทำธุรกิจเจ๊ง ต้องมาขายแซนวิชอุดหนุนผมหน่อย(หัวเราะ) ใช้วิธียืนถือกล่องคล้องคอขาย แรกๆยืนขายหน้าธนาคาร คนไม่รู้จัก มองอย่างเดียวแต่ไม่ซื้อ บางวันรปภ.มาไล่พอไล่ผมก็เดินหนี้ เผลอก็กลับมายืนใหม่

ข้อดีของการขายสินค้าเคลือนที่คือ จุดไหนขายไม่ดี ก็สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย แค่เดินย้ายจุด

   กลเม็ดการขายตามแบบฉบับของคุณศิริวัฒน์แซนวิช คือ ไม่ตื้อ ไม่ยัดเยียด หากลูกค้าต้องการก็จะเดินมาซื้อเอง วันนี้อาจลองซื้อชิม วันหน้าถ้าติดใจเขาจะกลับมาซื้อเอง แค่ทำสินค้าให้ดีไว้ในทุกวันๆก้พอ

   คุณศิริวัฒน์บอกอีกว่า เถ้าแก่ต้องลงมือเอง ยิ่งธุรกิจขนาดเล็ก ยิ่งต้องลุยเอง เพราะความเอาใจใส่จะทั่วถึงถ้าธุรกิจไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก การที่เถ้าแก่ลงมาใส่ใจรายละเอียด นอกจากจะได้ใจลุกค้า เช่น พอเขาเห็นผมมายืนขายแซนวิชก็บอก โอ้โห้ เถ้าแก่ลงทุนมาขายเองเลย

    สิ่งที่ได้รับตามมาคือ เถ้าแก่สามารถรุ้ถึงปัญหาที่แท้จริง และแก้ปัยหาได้ทันท่วงที่ ดีกว่าให้ลุกจ้างมานั่งรายงานเมื่อเวลาผ่านไปแล้วอีกอย่างที่เป็นผลพลอยได้ คือ ลุกจ้างจะไม่อู้ เพราะเถ้าแก่อยู่ด้วยตลอดเวลา

   การจะประสบความสำเร็จ คุณต้องขยัน ท้อได้แต่ต้องอดทน ไม่ใช่ว่าขายไม่ดีแล้วเลิก ผมขายน้อยได้น้อย ดีกว่าขายเยอะแล้วเจ๊ง

   ผมเดินมาถึงจุดที่รุ้ซึ้งแล้วว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน คุณต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด ผมเคยเล่นหุ้นได้วันละสิบล้าน วันนึงต้องมาขายแซนวิชได้กำไรไม่กี่ร้อย ผมก็ต้องทำวันก่อนไปถนนข้าวสารขายของได้ 675 บาท ดีใจมาก

   เฮ้ย กูไม่ได้กลับบ้านมือเปล่าโว้ย (หัวเราะ) ต่างจากสมัยก่อนเล่นหุ้นได้ 2 แสน ก็จะอยากได้เพิ่มเป็น 4 แสนความโลภอยากได้เยอะๆมันทำให้เราไม่มีความสุข บทเรียนที่อยากจะฝากไปยังผู้ประกอบการรุ่นใหม่

  คือ การเริ่มธุรกิจควรเริ่มจากขนาดเล็กๆลองผิดลองถูกไปก่อน หากไปได้ดีค่อยขยายเพิ่มเติม ในทางกลับกันถ้าไปไม่รอดจะได้ไม่เจ็บตัวมาก ระวังอย่าทำอะไรใหญ่เกินตัวหรือโลภ เพราะโอกาสผิดพลาดมีสูงมาก ยิ่งถ้าไม่ใช้เป็นคนที่มีประสบการณ์ทำธุรกิจมาก่อน มีเงินเท่าไรก็หมด

คำสอนอีกข้อที่ศิริวัฒน์ให้ลุกๆจดจำไว้เสมอและทำให้ดูอยู่ตลอด คือ พึ่งตัวเอง

   ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ถ้าเราพึ่งตัวเองมากๆ สิ่งที่ได้รับระหว่างการทำธุรกิจ คือประสบการณ์ที่โรงเรียนไหนก้ไม่มีสอน อยากให้คิดว่าที่เราเหนื่อย คือ การลงทุนวันหนึ่งเมื่อประสบความสำเร็จ นอกจากเงินทองที่ได้รับแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือความภาคภูมิใจ

   ไม่น่าเชื่อว่า ผ่านมา 20 ปีวันนี้ศิริวัฒน์ลุกขึ้นสู้จนสามารถปลดหนี้พันล้านบาทได้สำเร็จ พ้นจากสถานะบุคคลล้มละลาย กลายเป็นตำนานคนสู้ชีวิตที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนนับล้าน

#ศิริวัฒน์แซนด์วิช

บทความต้นฉบับ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *