ในอดีตใครจะไปรู้ว่าจากเด็กอายุแค่ 6 ขวบ เดินขายหมากฝรั่ง จะเติบโตกลายมาเป็นมหาเศรษฐีชื่อดังระดับโลก กลายเป็นราชาแห่งตลาดหุ้นได้ เขาผู้นั้นคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนในหุ้นระยะยาว
ซึ่งเป็นการลงทุนที่ใช้เวลาตั้งแต่ 1 – 10 ปี เงินถึงจะงอกเงย และที่สำคัญบริษัทที่เขาซื้อหุ้นไม่มีใครคิดว่าจะมีโอกาสเติบโต แต่หลายปีต่อมากลับทำกำไรให้มากกว่าเดิมถึง 10 เท่า ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “วอร์เรน บัฟเฟตต์คือผู้หยั่งรู้ตัวจริง”
กว่าจะมาถึงจุดนี้เขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย และซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ทุกวันนี้คือ 8 บทเรียน ที่เขาใช้ในการดำเนินชีวิต
- 1) ทุกความสำเร็จต้องใช้เวลา
ทุกความสำเร็จไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ในวันเดียว วอร์เรน บัฟเฟตต์จึงมองไกลเสมอและตระหนักดีว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา “ผมไม่ค่อยซื้อหุ้นตัวในกระแสที่มาเร็ว ไปเร็วหรอกนะแต่ผมซื้อหุ้นที่อาจไม่เปิดขายอีกเลยจนกว่าจะถึงห้าปีถัดไป” และสิ่งที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ทำก็คือเขาศรัทธาในทุกการตัดสินใจ และเมื่อเขาอดทนรอและหมั่นเติมเต็มความรู้ เขาก็ทำสำเร็จซะแทบทุกครั้งเสมอ
- 2) รู้ให้ลึกก่อนลุยและเลือกลงทุนกับบริษัทที่มีศักยภาพ
วอร์เรน บัฟเฟตต์จะนำเงินไปสนับสนุนธุรกิจที่มีศักยภาพเท่านั้นเสมอ เขาหาข้อมูลทุกครั้งก่อนลงสนามจริงไม่ใช่ว่าเขารวยแล้วก็ใช้เงินซื้อหุ้นแต่ละตัวมามั่วๆแต่ทุกครั้งที่จะทำอะไร วอร์เรน บัฟเฟตต์ได้คิดอย่างถี่ถ้วนเสมอและศึกษาเป็นอย่างดี
- 3) เมื่อคนอื่นปอดแหก นี่ล่ะจังหวะทองของเรา
ทุกคนคงเคยได้ยินสำนวนที่ว่า “โอกาสทางธุรกิจมีอยู่ทุกที่” แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ไข่วคว้าได้เพราะพวกเค้า “กลัวจะคว้าน้ำเหลว” แต่วอร์เรน บัฟเฟต์คือจอมแหวกแนวเพราะเมื่อคนอื่นเริ่มถอยห่างจากการลงทุน เศรษฐกิจดูน่ากลัว อาเฮียกลับเข้าไปกว้านซื้อหุ้นในตลาดอย่างกล้าหาญและเน้นซื้อเฉพาะบริษัทเจ๋งๆ จากนั้นกำไรก็เข้ามาหาเขา หลังจากวิกฤติผ่านพ้นไป…แหม่เรียกได้ว่ารู้จักพลิกวิกฤติ ให้เป็นโอกาสจริงๆ
- 4) ลงมือทำตั้งแต่วันนี้
วอร์เรน บัฟเฟต์เปรียบเปรยไว้ได้น่าสนใจ เขาถามว่ารู้มั้ยว่าร่มเงาของต้นไม้ที่คอยบังแดดให้คุณมาจากไหน…ก็มาจากคนที่ปลูกไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนน่ะสิ และนี่ถือเป็นหลักคิดที่ลึกซึ้งที่ต้องการจะบอกว่า ถ้าคิดจะทำอะไร ก็จงทำตั้งแต่วันนี้ เพราะแม้ว่ามันจะยังไม่เห็นผลทันทีและทำให้เราท้อใจ แต่ถ้าคุณไม่ล้มเลิกไปก่อนผลลัพธ์มันย่อมออกมา เช่นเดียวกับต้นไม้ที่แผ่ร่มเงา
- 5) ทำในสิ่งที่รู้
แม้การลองอะไรแปลกใหม่จะไม่ผิด และทำให้เราได้เปิดโลก แต่วอร์เรน บัฟเฟต์เผยว่าเขามักจะลงทุนในสิ่งที่ศึกษามาเป็นอย่างดีเท่านั้น หรือสิ่งที่คุ้นเคยเพราะอะไรที่เรามีความเข้าใจ เรามักจะทำออกมาได้ดีเสมอ นอกจากนี้เขายังบอกอีกว่า ทุกคนไม่ต้องตามกระแสกันก็ได้ ไม่ใช่ว่าอะไรฮิตก็แห่ไปทำ แต่คุณต้องรู้จักมีแนวทางของตัวเอง แล้วคุณจะโดดเด่นเหนือใคร แถมยังมีความสุขด้วยเพราะคุณมีวิธีฝ่าฟันในแบบฉบับที่เป็นของตัวเอง
- 6) จงตั้งเป้าว่า “ข้าจะเทพให้ได้”
นักธุรกิจชื่อก้องโลกเล่าว่า ทุกคนควรตั้งเป้าหมายไว้และพยายามพิชิตมันให้ได้ จากนั้นก็ทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมเรื่อยๆ เพราะนั่นจะทำให้คุณแกร่งขึ้นมั่นใจขึ้น และถ้าจะให้ดีพยายามพาตัวเองไปอยู่กับคนที่เก่งกาจกว่า เพราะแม้นั่นจะทำให้เราดูโง่เง่าไปบ้าง (เพราะตามคนอื่นไม่ทัน) แต่เราก็จะได้เรียนรู้สิ่งดีๆจากคนเหล่านี้เสมอ แล้ววันหนึ่งคุณอาจจะเทียบเท่า หรือแซงคนเก่งๆพวกนี้ได้
- 7) อย่าอู้ ต้องมีวินัย
บางทีเมื่อคนเราเริ่มเก่งขึ้นหรือมีเรื่องอื่นๆมารบกวน มันก็มักทำให้เราขาดวินัยได้ เช่น ตอนซื้อหุ้นเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลไม่ละเอียดเหมือนเคย หรือทำอะไรไม่รอบคอบเท่าแต่ก่อนเพราะขี้เกียจ แต่นั่นล่ะคือสิ่งที่อาจนำหายนะมาได้ในภายหลัง ฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรในชีวิตควรมีวินัยและสม่ำเสมอ ซึ่งนั่นจะทำให้เราเฉียบแหลมอยู่ตลอดเวลา
- 8) ใจรัก
เมื่อคุณไม่มีใจรักในสิ่งที่ทำ สุดท้ายสิ่งนั้นก็จะหายไปเพราะเราไม่มีแก่ใจจะไปฝ่าฟัน ฉะนั้นแทบทุกเรื่องไม่ว่าจะลงทุนในหุ้น หรือการตามล่าความฝันในรูปแบบอื่นของชีวิต หากเรามีใจรัก เราก็มักจะพร้อมทุ่มเทให้มันแบบสุดชีวิตเสมอ และรางวัลของคนที่ทุ่มเทจนถึงที่สุดก็คือ “ความสำเร็จของชีวิต”
ขอบคุณข้อมูลจาก>>meekhao
ใส่ความเห็น